การคิดให้ทีมแยกตัวจากรายการระดับทวีปของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ถูกมองว่าเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เหล่าแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ทนอีกต่อไปจนออกมาต่อต้านและขับไล่ตระกูลเกลเซอร์ นักธุรกิจชาวอเมริกันที่เป็นเจ้าของทีมอย่างรุนแรง ซึ่งการประท้วงก็หนักหน่วงจนถึงขั้นที่ทำให้เกมแดงเดือดต้องโดนยกเลิกไปด้วย
ทั้งนี้ ตระกูลเกลเซอร์เป็นวายร้ายในสายตา "เร้ด อาร์มี่" มาโดยตลอด นับตั้งแต่ที่กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของทีมเมื่อช่วงกลางปี 2005 เพราะเหล่าแฟนบอลมองว่าพวกเขาไม่จริงจังกับการทำให้ทีมประสบความสำเร็จมากเท่าที่ควร และบริหารสโมสรได้น่าผิดหวังตามไปด้วยจนส่งผลกระทบกับการเงินของทีมทั้งที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นแบรนด์ที่น่าจะทำเงินได้ง่ายๆ
กระทั่งล่าสุด สวิส แรมเบิ้ล หน่วยงานวิเคราะห์ด้านการเงินหน่วยงานหนึ่งก็ได้เปิดเผยตัวเลขด้านการเงินที่น่าสนใจของ แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การบริหารของ อัฟราม กับ โจเอล เกลเซอร์ ออกมา ลองไปดูกันดีกว่าว่ามันแย่ในระดับไหนกัน
- ดอกเบี้ยทำพิษ
นับตั้งแต่ปี 2005 มาจนถึงปัจจุบัน แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถทำรายได้ไปสูงถึง 5.9 พันล้านปอนด์ ซึ่งมันทำให้พวกเขาเป็นทีมจากเกาะอังกฤษที่ทำรายได้เยอะที่สุด หากนับเฉพาะในช่วงเวลาเดียวกัน และนั่นก็ส่งผลให้จนถึงตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในยุคของเกลเซอร์ทำกำไรจากการดำเนินงานได้ 467 ล้านปอนด์
อย่างไรก็ตาม หากเจาะลึกลงไปแล้วนั้นที่จริงแล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยไปเป็นจำนวนถึง 817 ล้านปอนด์ นั่นทำให้พอเอาไปประเมินรวมกับด้านต่างๆ แล้วนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การบริหารของตระกูลเกลเซอร์ก็มีผลประกอบการโดยรวมเป็นการขาดทุน 92 ล้านปอนด์ด้วยกัน
นอกจากนี้ หากนับเฉพาะระหว่างปี 2010-2020 แล้วล่ะก็ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ต้องเสียเงินให้กับค่าดอกเบี้ยไปรวมแล้ว 496 ล้านปอนด์ ทำให้พวกเขาเป็นทีมจาก พรีเมียร์ลีก ที่มีค่าใช้จ่ายด้านนี้สูงสุดในช่วง 10 ปีดังกล่าว ขนาด ลิเวอร์พูล ยังเสียเงินในด้านนั้นไปเพียง 29 ล้านปอนด์เท่านั้น
- ไม่เติบโตเท่าไหร่
ในปี 2020 แมนฯ ยูไนเต็ด มีรายได้ 509 ล้านปอนด์ แต่มันก็ถือเป็นปีที่ 4 ติดต่อกันแล้วที่พวกเขาไม่มีความเติบโตในด้านรายได้เลย โดยในปี 2016 แมนฯ ยูไนเต็ด มีรายได้ 515 ล้านปอนด์ ส่วนในปีต่อมาทำไป 581 ล้านปอนด์ ขณะที่ 2018 ทำได้ 590 ล้านปอนด์ และปี 2019 ก็ทำไปถึง 627 ล้านปอนด์
- รายได้จากทีวีหด
140 ล้านปอนด์ คือรายได้จากค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดทั้งหมดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้รับจากเมื่อปี 2020 แน่นอนว่าหากเทียบกับปี 2006 หรือปีแรกที่ เกลเซอร์ ได้บริหารทีมอย่างเต็มที่แล้วนั้น เงินด้านนี้มันก็สูงขึ้น เพราะตอนนั้นพวกเขาได้เงินจากด้านนี้ไปเพียง 46 ล้านปอนด์เท่านั้น
ถึงกระนั้น ในปีก่อนมันก็มี 3 ทีมในเกาะอังกฤษที่ยังได้เงินด้านนี้มากกว่าพวกเขา ไม่ว่าจะเป็น ลิเวอร์พูล ที่ได้ไป 202 ล้านปอนด์, แมนฯ ซิตี้ ที่ได้เงินเข้ากระเป๋า 190 ล้านปอนด์ และ เชลซี ที่ทำไป 183 ล้านปอนด์ โดยในวงการฟุตบอลสมัยใหม่นั้นมันมีการยอมรับกันว่าค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดถือเป็นหนึ่งในขุมทรัพย์หลักของเหล่าสโมสรฟุตบอลเลยทีเดียว
- หนี้บาน
การที่ตระกูลเกลเซอร์กู้เงินมาซื้อสโมสรมันทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องรับภาระการใช้หนี้ส่วนหนึ่งของตระกูลเกลเซอร์ตามไปด้วย ซึ่งนั่นก็มีส่วนทำให้ตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังมีหนี้ติดหัวอยู่ถึง 526 ล้านปอนด์ด้วยกัน ซึ่งปัจจุบันทีมใน พรีเมียร์ลีก ที่มีหนี้เยอะกว่าพวกเขามีแค่ทีมเดียว และนั่นก็คือ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ต้องเสียเงินส่วนใหญ่ไปกับการสร้างสนามแห่งใหม่ของพวกเขานั่นเอง
- เด็กเกร็ดบอล -
CR. siamsport อัพเดทข่าวกีฬาได้ที่นี่ https://bit.ly/3kU1rPB
อัพเดทก่อนใครทั้งสถิติ ผลบอล วิเคราะห์บอล และผลการเเข่งขัน ไปพร้อมกับราคาค่าน้ำดีที่สุด มากที่สุดไปกับเรา ห้ามพลาด !
เท่านั้น! สอบถามกับเจ้าหน้าที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ดูข้อมูลเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/3ef2AMA
****สมัครสมาชิกรับโบนัส 50 ฟรีสปิน***
ติดต่อเจ้าหน้าที่ 24 ชั่วโมง
Add line : @1XSUPPORT : https://line.me/R/ti/p/%40616ybwhk
ไลน์สำรอง LINE ID: @1xchat หรือคลิก https://line.me/R/ti/p/%401xchat
โพสต์โดย : Kate Hoffmeyer เมื่อ 5 พ.ค. 2564 17:13:07 น. อ่าน 485 ตอบ 1
RE : การเงินที่น่าห่วงของ แมนฯ ยู ในยุคเกลเซอร์
ตอบโดย : fortock เมื่อ 5 ส.ค. 2560 12:04:08 น. ตอบคำถาม