เช่นฟ้าแกล้งจอมเสิร์ฟดาวรุ่งสิ้นสุดเอเชียนเกมส์ลงในวันนี้ เมื่อได้รับบาดเจ็บที่ “หัวเข่าซ้าย” กระทั่งเล่นถัดไปไม่ไหวแล้วก็ถูกสลับตัวออกมาจากสนาม
นับเป็นเอเชียนเกมส์ทีแรกในชีวิตที่แสนสั้นแล้วก็เจ็บ ถึงแม้ตอนท้ายแล้วคุณจะยังได้สังสรรค์แชมป์กับกลุ่มก็ตาม
ข้างหลังการตรวจอย่างถี่ถ้วนปรากฏว่า “เอ็นขัดหัวเข่าขวาขาด” หนักกว่าที่คาดการณ์ และก็เป็นการบาดเจ็บที่ในกลุ่มนักกีฬากลัวที่สุด
“เสียดายช่องทางชิงชัยจบลงเร็วไป ในตอนที่เจ็บก็รู้สึกกลุ้มอกกลุ้มใจกลัวเหมือนกัน เป็นมีความรู้สึกว่ารักษาหายแน่ แม้กระนั้นที่ไม่ค่อยสบายใจเป็นพวกเราจะกลับมาเล่นเจริญอย่างเดิมหรือไม่” จอมเสิร์ฟสาวเมืองจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าว
ต่อจากนั้นในเดือนต่อมาต.ค.คุณขึ้นเขียงผ่าหัวเข่ารักษาการบาดเจ็บ..
แม้ว่าจะเปิดตัวไม่สวยแต่ว่าจอมเสิร์ฟสาวดาวรุ่งวัย 21 ปีในขณะนั้นก็ไม่ท้อ ตั้งเป้าหมายจำเป็นจะต้องกลับมาระเบิดฟอร์มที่สุดยอดให้ได้อีกรอบ ในเวลาที่กลุ่มตะกร้อสาวไทยถือว่าเสียหายไม่น้อยทีเดียว เมื่อนายทัพที่ตระเตรียมไว้เป็นตัวหลักอาวุธเด็ดไว้ประมือกับคู่แข่งขันจำเป็นต้องเข้าศูนย์ซ่อม
เกือบจะหนึ่งปี…ตรงเวลาแสนนานยิ่งนักที่บำบัดรักษาการบาดเจ็บหัวเข่า ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจไม่ท้อสุดท้าย “งามฆ่า” สบโอกาสหวนกลับสังเวียนอีกคำรบสำหรับการแข่งตะกร้อชิงชนะเลิศโลก หรือ คิงส์ คัพ ครั้งที่ 34 ในก.ย. ปี 2562
วาดลวดลายให้แฟนคลับตะกร้อไทยปรากฏชัดเจนความแข็งแกร่งกลับมาอีกรอบแม้ว่าจะยังไม่เต็มเปี่ยม แม้กระนั้นก็เป็นการส่งสัญญาณว่าอีกไม่นานฟอร์มเดิมๆจะคืนมา
“กลับมาเล่นได้อีกรอบ จิตใจก็ไม่คาดหมายว่าจำเป็นที่จะต้องทำให้ก้าวหน้าเหมือนเดิม เนื่องจากว่ารู้สึกตัวว่าสภาพร่างกายของตนเองนั้นไม่ดังเดิม คิดเพียงแค่ว่าจะกลับมาเล่นให้ได้แค่นั้น”
“แรกๆก็รู้สึกขยาดๆแต่ว่าคงจะเป็นเนื่องจากว่าไม่ตั้งความหวังไว้มากมาย ทำให้ไม่เคยทราบสึกบีบคั้น และก็แปลงเป็นผลในด้านที่ดีกับตนเองหมายถึงพวกเราเล่นเจริญเกินความหวัง ผลที่ออกมาเจ๋งเลยจ้ะ กระปรี้กระเปร่ากว่าในตอนที่เล่นกลุ่มชาติทีแรกด้วย เนื่องจากว่าในช่วงเวลานั้นบอกเลยว่าบีบคั้นมากมายจนกระทั่งเล่นมิได้ราวกับที่คิด”
แต่เนื่องจากว่าพึ่งหายจากอาการบาดเจ็บไม่นาน สำหรับการชิงชัยกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ในสิ้นปีนั้นยังไม่มีชื่อติดกลุ่มไปทำสงคราม
แต่ว่าโน่นมิได้บั่นให้รู้สึกท้อใจหมดกำลังใจอะไร
“แม้ว่าจะเจ็บจะต้องผ่าหัวเข่าเสียโอกาสชิงชัยรายการหลักๆทั้งยังกีฬาซีเกมส์ และก็ เอเชียนเกมส์ ไม่ทราบสึกท้อจ้ะ ให้อุตสาหะทำตามอย่างวัตถุประสงค์ตามฝันของพวกเราอย่างเดิม ไม่ต้องไปคิดมาก ไม่ตั้งเป้าไว้สูง ก็ทำให้สุดกำลังเพียงแค่นั้น เพราะว่ายิ่งคิดก็ยิ่งเครียดซึ่งจะมีผลต่อภาวะจิตใจจะกังวนงงงันไปหมด ด้วยเหตุนี้จำต้องไม่คิดมากมาย”
หวนกลับสู่สังเวียนครั้งนี้ “ปุ๊กกี้” พร้อมเดินสู่เส้นนี้ วัตถุประสงค์เป็น ทำให้ดีเยี่ยมที่สุดแล้วก็สุดกำลัง ซึ่งคุณมั่นใจว่าความตั้งใจจริง ฝึกหัด ตัวเองอยู่เป็นประจำ เป็นกุญแจทำให้พวกเราเก่งขึ้นนั่นเอง ซึ่งคุณยึดมั่นปฎิบัติมาตั้งแต่เมื่อครั้งวัยเด็ก
“ถูกใจเล่นกีฬาเล่นมาตั้งแต่ 10 ขวบ ตอนเด็กๆก็เล่นอีกทั้งวอลเลย์บอล แล้วก็ ตะกร้อ แต่ว่าราวกับฟ้าลิขิตไว้แล้วมั้งขา แปลงเป็นตะกร้อที่ถูกเลือก รวมทั้งเพราะเหตุว่าเป็นคนตัวสูงอาจารย์ที่สถานศึกษาก็ให้เล่นตำแหน่งเสิร์ฟตั้งแต่นั้นเลย ซึ่งตอนเด็กๆก็มิได้เล่นเก่งอะไรแม้กระนั้นอาศัยขยันฝึกทำให้พอเพียงเล่นได้”
“พอเพียงจบเปรียญ6 คุณพ่อและก็รวมทั้งคุณแม่กำลังมองหาที่ศึกษาต่อ รวมทั้งมีคุณครูท่านหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนคุณครูหัวใจ ตันกิมหงษ์ ได้เสนอแนะให้ไปสอบเข้าที่เข้าทางรร.กีฬาจ.ชลบุรีซึ่งก็ไปสอบและก็คุณครูอ๊อด–วีระชัย แสงไฟ ผู้ฝึกสอนตะกร้อรร.กีฬาจังหวัดชลบุรีก็มาดึงตัวไป รวมทั้งตรงนี้เองที่เริ่มฝึกตะกร้ออย่างเอาจริงเอาจัง”
แม้ว่าจะห่างบ้านแต่ว่าโชคดีมีลูกพี่ลูกน้องอยู่จังหวัดชลบุรี ทำให้ไม่เคยทราบสึกเปล่าเปลี่ยวเท่าไรนักในบ้านข้างหลังใหม่ฝึกฝนวิทยายุทธอยู่ร่วมๆสองปีอย่างยิ่งจริงๆ กว่าฝีมือจะเบาๆแข็งแกร่งแล้วก็เริ่มได้โอกาสท่องยุทธโลก
จนกระทั่งกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 29 “มหาสารคามเกมส์” ที่จังหวัดมหาสารคาม ในปี 2556 ได้โอกาสได้ร่วมกลุ่มไปแข่งโชว์ และก็กลับไปอยู่ที่บ้านพร้อมด้วยการบรรลุเป้าหมาย “เหรียญทองกลุ่มชุด” การบรรลุผลชิ้นแรกของคุณในเกมแข่งระดับประเทศ
และก็ที่เมืองมหาสารคามนี่เองฟอร์มการเล่นของ “ปุ๊กกี้” ได้ไปโดนตาถูกใจที่ปรึกษาตะกร้อหญิงกลุ่มชาติไทย “ซันชิโร่” วีรัสในจังหวัดหนองคาย
“ในตอนนั้นผู้ฝึกสอนโร่ได้เข้ามาถามชื่ออะไร สวนสูง น้ำหนักเท่าใด เท่านั้นเอง ทราบดีว่าเป็นผู้ฝึกสอนกลุ่มชาติแต่ว่าก็มิได้คิดอะไร คิดเพียงแค่ว่าอาจจะมาถามข้อมูลไปเฉยๆเพียงแค่นั้นเนื่องจากมองเห็นไปถามหลายท่าน แล้วก็เรื่องกลุ่มชาติเวลานี้ไม่เคยคิดไม่เคยอยู่ในหัวเลย โน่นเพราะเหตุว่ารู้สึกตัวว่ามิได้เก่งเลย เพียงแค่ตัวสูงเฉยๆ”
แม้ว่าจะมิได้คิดไปไกลถึงกลุ่มชาติ อย่างไรก็ดีอีกไม่กี่เดือนถัดมาในปีเดียวกันนั้นชื่อของ “นิภาภรณ์ สลุบพล” อยู่ในโผเรียกเข้าแค้มป์เก็บเนื้อเก็บตัวกลุ่มชาติไทย นับเป็นก้าวแรก
“วันนั้นคุณครูอ๊อดมาบอกก็ดีแล้วหัวใจที่ได้โอกาสกับความรู้สึกงงงันคิดกังวลใจมองดูภาพไม่ออกว่าพวกเราจะทำเป็นหรือไม่ เข้าไปแล้วจะประพฤติเช่นไร กลัวทำให้คุณครูแล้วก็สังกัดเดิมพวกเราเสียชื่อเสียง แต่ว่าก็มานะไม่คิดมากมาย พากเพียรทำให้ดีเยี่ยมที่สุด และก็ต้องการทำให้คุณพ่อคุณแม่สมหวัง”
“แล้วหลังจากนั้นก็มีชื่อเก็บเนื้อเก็บตัวฝึกหัดบ่อยมา คงจะสองปีก็ติดกลุ่มคิงส์ คัพ ครั้งที่ 30 ในปี 2558 ในช่วงเวลานั้นตื่นเต้นสูงถึงกับนอนไม่หลับอย่างยิ่งจริงๆ คิดมากกลัวจะทำไม่ได้ พอลงชิงชัยเปลี่ยนเป็นแรงกดดันที่ฝึกซ้อมๆมาหายหมด แต่ว่าโชคดีมีพี่ๆรอชี้แนะและก็ให้กำลังใจ คลายแรงกดดันทำให้เล่นเจริญขึ้น”
นับเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่า กับการประลองทัวร์ทุ่งนาเม้นต์ใหญ่คราวแรกในชีวิต “ปุ๊กกี้” ได้มองเห็นจุดบกพร่องของตนเอง โน่นเป็น คิดมาก ความหวาดกลัว บีบคั้น จิตใจยังไม่แกร่งเพียงพอ ซึ่งทำให้คุณได้ศึกษาพร้อมด้วยก้าวผ่านผ่านมันไป
ถึงแม้พร้อมที่จะกางปีกโบยบิน..ฟ้าบางทีอาจผู้ลิขิตให้คุณเดินสู่ทางสายนี้ แต่ว่ากลับยังลิขิตโยนปัญหาให้จำต้องฝ่าฟันมันก็คือ “อาการบาดเจ็บ” ซึ่งหนักร้ายแรงทีเดียวจำต้องแก้ไขอยู่ร่วมปี
ปัญหาเป็นข้อสอบของชีวิต ความเจ็บทำให้จิตใจกล้าแกร่ง สังเวียนการแข่งขันชิงชัยอีกทั้งกีฬาซีเกมส์ แล้วก็เอเชียนเกมส์ถึงเวลาพิสูจน์ความรู้ความเข้าใจประกาศพลังให้แวดวงตะกร้อโลกได้กระจ่าง
จอมเสิร์ฟ “นิภาภรณ์ สลุบพล” งามฆ่าที่เมืองประเทศไทย..
